เสียงเป็นหัวใจสำคัญในการประชุม ห้องประชุมที่ดีต้องมีคุณภาพของเสียงที่ดี ซึ่งจะได้จากการออกแบบระบบเสียงและอะคูสติกส์ของห้องที่ต้องได้มาตรฐาน โดยเฉพาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน ปัญหาเสียงก้องจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการประชุม การสื่อสาร และความสุขในการทำงานอย่างมาก
ในการออกแบบห้องประชุมเพื่อให้เสียงมีประสิทธิภาพและมาตรฐานด้านความชัดเจนของเสียงพูด (Sound Transmission Index: STI) ผู้ออกแบบต้องคำนึงถึงปัจจัยประกอบหลายด้าน เช่น ป้องกันปัญหาเสียงก้อง เสียงรบกวน ระดับความดัง ฯลฯ ด้วยประสบการณ์มากว่า 30 ปีในการแก้ไขปัญหาเสียงสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ในที่นี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเสียงก้อง ทั้งปัญหาและวิธีการแก้ไขอย่างครบถ้วน
เสียงก้องคืออะไร
เสียงก้อง (Reverberation) แตกต่างจากเสียงสะท้อน (Echo) ในแง่ของระยะเวลา เสียงก้องเกิดจากเสียงที่สะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้เสียงดั้งเดิมผสมกับเสียงสะท้อน สร้างความไม่ชัดเจนในการสื่อสาร ขณะที่เสียงสะท้อน (Echo) เป็นเสียงที่กลับมาหลังจากผ่านไปแล้วช่วงหนึ่ง โดยทั่วไปจะเกิดในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีระยะห่างมากกว่า 17 เมตร
สำหรับองค์กรที่มีห้องประชุมใหญ่หรือห้องโถงส่วนกลาง การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยในการเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสม
ผลกระทบของเสียงก้องสำหรับองค์กร
ห้องประชุมที่มีเสียงก้องเกินไป จะส่งผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมฟังเสียงประชุมไม่ชัดเจน เกิดความเครียด ความรำคาญ ไม่มีสมาธิในการประชุม สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการประชุมบ่อยและมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ผลกระทบเหล่านี้จะรุนแรงยิ่งขึ้น
ผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดขึ้น
- ลดประสิทธิภาพการประชุม เนื่องจากต้องใช้เวลามากขึ้นในการสื่อสาร
- เพิ่มความเหนื่อยล้าของพนักงานจากการฟังที่ไม่ชัดเจน
- ลดคุณภาพการนำเสนองาน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้เสียงพูดเป็นหลัก
- ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรเมื่อมีการประชุมกับผู้มาเยือนหรือลูกค้า
ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพของการประชุมและการดำเนินธุรกิจ จึงต้องแก้ไขปัญหาเสียงก้องไม่ให้เกินค่าที่มาตรฐานกำหนด
ทำความเข้าใจระบบอะคูสติกส์ก่อนแก้ไขปัญหาเสียงก้อง
อะคูสติกส์เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับด้านเสียง อาทิ เสียงรบกวน, เสียงก้องสะท้อน และการกระจายเสียง เป็นต้น โดยในการออกแบบ เพื่อให้ได้ค่าทางอะคูสติกส์ภายในห้องประชุมให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของเสียง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การควบคุมเสียงภายในห้องประชุมและการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก
สำหรับการแก้ไขปัญหาเสียงก้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับการควบคุมเสียงภายในห้องประชุม ซึ่งค่าทางอะคูสติกส์ที่มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวคือ ค่าระยะเวลาความก้องสะท้อน (Reverberation Time หรือค่า RT60)
ค่าระยะเวลาความก้องสะท้อน
ระยะเวลาความก้องสะท้อน (Reverberation Time) คือเวลาในการสะท้อนกลับของต้นเสียง โดยเป็นวัดค่าของเวลาที่เสียงสะท้อนกลับ ซึ่งผลของการสะท้อนกลับหากสะท้อนน้อยเกินไปจะทำให้เสียงไม่มีชีวิตชีวา แต่หากมากเกินไปก็กลายเป็นเสียงรบกวน ดังนั้นจึงควรควบคุมค่า RT60 ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับพื้นที่
โดยค่า RT60 เป็นระยะเวลาที่ทำให้ระดับเสียงก้องเกิดขึ้นลดลง 60 dB มีหน่วยเป็นวินาที ซึ่งมีสมมุติฐานในการออกแบบดังนี้
- ระยะเวลาก้องสะท้อนควรมีเท่ากันทั้งห้อง ไม่ว่าแหล่งกำเนิดเสียงจะอยู่ที่ไหน
- ค่าความก้องสะท้อน ขึ้นอยู่กับปริมาตรของห้องและการดูดซับเสียงของวัสดุในห้อง
- ความชัดเจนของเสียงที่ขาดหาย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและค่าความก้องของเสียงนั้น
ค่าระยะเวลาความก้องสะท้อน
ระยะเวลาความก้องสะท้อน (Reverberation Time) คือเวลาในการสะท้อนกลับของต้นเสียง โดยเป็นวัดค่าของเวลาที่เสียงสะท้อนกลับ ซึ่งผลของการสะท้อนกลับหากสะท้อนน้อยเกินไปจะทำให้เสียงไม่มีชีวิตชีวา แต่หากมากเกินไปก็กลายเป็นเสียงรบกวน ดังนั้นจึงควรควบคุมค่า RT60 ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับพื้นที่
โดยค่า RT60 เป็นระยะเวลาที่ทำให้ระดับเสียงก้องเกิดขึ้นลดลง 60 dB มีหน่วยเป็นวินาที ซึ่งมีสมมุติฐานในการออกแบบดังนี้
- ระยะเวลาก้องสะท้อนควรมีเท่ากันทั้งห้อง ไม่ว่าแหล่งกำเนิดเสียงจะอยู่ที่ไหน
- ค่าความก้องสะท้อน ขึ้นอยู่กับปริมาตรของห้องและการดูดซับเสียงของวัสดุในห้อง
- ความชัดเจนของเสียงที่ขาดหาย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและค่าความก้องของเสียงนั้น
ตัวอย่างค่า RT60 ที่เหมาะสมสำหรับห้องประชุมขนาดต่างๆ:
- ห้องประชุมเล็ก (20-50 ตรม.): 0.6-0.8 วินาที
- ห้องประชุมกลาง (50-150 ตรม.): 0.8-1.2 วินาที
- ห้องประชุมใหญ่/ห้องโถง (150+ ตรม.): 1.2-2.0 วินาที
การวัดและปรับค่าเหล่านี้ให้เหมาะสมต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษและความเชี่ยวชาญด้านอะคูสติกส์ ซึ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างถาวรและมีประสิทธิภาพ
วิธีแก้เสียงก้องเบื้องต้นที่องค์กรทำเองได้
สำหรับองค์กรที่ต้องการแก้ไขปัญหาเสียงก้องอย่างรวดเร็วก่อนรอการปรับปรุงระดับมืออาชีพ มีหลายวิธีที่สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูง:
การปรับปรุงพื้นผิวและเฟอร์นิเจอร์:
- เพิ่มพรมหนาในห้องประชุมเพื่อดูดซับเสียงจากพื้น
- ติดผ้าม่านหนาบริเวณหน้าต่าง ช่วยควบคุมแสงและลดการสะท้อนเสียง
- จัดวางตู้หนังสือหรือชั้นวางเอกสารริมผนังเพื่อสร้างพื้นผิวที่ซับซ้อน
- เปลี่ยนโต๊ะประชุมจากแก้วหรือไม้เรียบเป็นโต๊ะที่มีพื้นผิวด้าน
การเพิ่มองค์ประกอบธรรมชาติ
- จัดวางต้นไม้ขนาดกลางในห้องประชุม ใบไม้ช่วยดูดซับและกระจายเสียง
- ใช้หมอนอิงหรือเบาะนั่งที่มีผ้าหุ้มนุ่มๆ
- เพิ่มภาพหรือผลงานศิลปะที่มีกรอบหนาบนผนัง
วิธีการเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาเสียงก้องในระดับหนึ่ง แต่สำหรับการแก้ไขที่ครบถ้วนและยั่งยืน จำเป็นต้องใช้การออกแบบระบบอะคูสติกส์อย่างมืออาชีพ
วิธีการแก้ไขปัญหาเสียงก้องผ่านการออกแบบ
ปรับฝ้าเพดาน
เพดานเป็นองค์ประกอบภายในห้องที่เกี่ยวข้องกับเสียง โดยลักษณะของเพดานส่งผลต่อการสะท้อนของเสียงภายในห้อง ซึ่งการปรับฝ้าเพดานให้ช่วยลดเสียงก้อง มีวิธีในการทำหลากหลายวิธี อาทิ ฝ้าเพดานแบบ Vertical Baffle ใต้เพดานหรือเหนือเพดาน, เพดานลักษณะ Confer หรือเปลี่ยนวัสดุเป็นประเภทดูดซับเสียง
ปรับพื้นห้อง
เสียงเดินทางกระทบพื้นห้องเช่นเดียวกับเพดาน แต่วิธีการแก้ไขจะแตกต่างจากฝ้าเพดาน สำหันบการปรับพื้นห้องมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนวัสดุปูพื้น โดยพื้นห้องควรใช้พรมเป็นวัสดุปูพื้นเพื่อป้องกันปัญหาเสียงสะท้อน เนื่องจากพรมมีคุณสมบัติดูดซับเสียงได้ดี ช่วยป้องกันเสียงสะท้อน นอกจากการดูดซับเสียงแล้ว พรมยังช่วยเรื่องการลดการกระแทก (Impact Noises) อีกด้วย
ภาพ: ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรมแก้ไขปัญหาเสียงก้องด้วยการใช้พรมเป็นวัสดุปูพื้น
ปรับแก้ไขผนังห้อง
สำหรับผนังห้องประชุมที่ส่งผลกระทบต่อการสะท้อนเสียงนั้น มีหลายประเภท โดยในการปรับแก้ควรแก้ไขไปตามสภาพของผนังห้องที่แตกต่างกันไปดังนี้
1.ผนังภายในที่เป็นระนาบยาว
วิธีการแก้ไขปัญหาเสียงก้องสำหรับห้องที่มีผนังภายในเป็นระนาบยาว สามารถปรับแก้ได้หลายวิธี อาทิ การปรับเล่นระดับของผนังเพื่อให้เสียงไม่สะท้อนทั้งหมด, การกรุผนังด้วยวัสดุซับเสียง และการใช้ผ้าม่านเพื่อให้ดูดซับเสียงบางส่วนไว้กับผ้าม่าน เป็นต้น
2.ผนังที่เป็นกระจก
ผนังกระจกจะทำให้ผู้เข้าประชุมมีมุมมองไปยังทัศนีภาพภายนอกอาคาร แต่มักมีผลกระทบต่อเสียงก้องตามมา มีวิธีการแก้ด้วยกันหลายวิธี อาทิ การติดตั้งกระจกให้เอียงทำมุมในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้เสียงสะท้อนเข้าสู่แผ่นซับเสียงด้านหนึ่ง, ใช้ม่านบังตาในลักษณะของคล้ายบานเกล็ด ซึ่งสามารถปรับองศาของการเปิด-ปิดได้ ช่วยลดการสะท้อนเสียงจากกระจกโดยตรงได้, ใช้ม่านเก็บเสียง ฯลฯ
ปรับขนาดของห้องลดเสียงก้อง
ในการออกแบบขนาดห้องเพื่อลดเสียงก้อง ควรหลีกเลี่ยงการออกแบบขนาดความกว้างต่อความยาวและความสูง ที่เป็นสัดส่วนทวีคูณ (Multiplied) เช่น ความสูงขนาด 10 ฟุต ความกว้างและความยาว ไม่ควรเกิน 10,20,30,40 ฟุต โดยสัดส่วนทวีคูณเป็นสัดส่วนห้องที่เสริมให้เสียงภายในห้องก้องมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากต้องการลดเสียงก้องจึงควรหลีกเลี่ยงการออกแบบห้องประชุมที่มีสัดส่วนทวีคูณ
เลือกใช้งานวัสดุซับเสียง
ในการเลือกวัสดุซับเสียงสามารถเลือกจากค่า Sound Absorption Coefficient (SAC) ซึ่งเป็นค่าสัดส่วนของพลังงานเสียงที่ถูกซับไป ยกตัวอย่างเช่น วัสดุ A มีค่า SAC ที่ 0.80 หมายความว่า 80% ของเสียงจะถูกซับไว้ในวัสดุ ส่วนอีก 20% คือเสียงที่สะท้อนออกไป ทั้งนี้ค่า SAC ที่ได้จะแปรผันต่อค่าความถี่เสียงที่เดินทางไปตกกระทบในแต่ละวัสดุ
โซลูชันระดับมืออาชีพสำหรับองค์กรขนาดใหญ่
เมื่อปัญหาเสียงก้องส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร การใช้โซลูชันระดับมืออาชีพจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและคุ้มค่าในระยะยาว ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการออกแบบและแก้ไขปัญหาเสียงสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เราเข้าใจว่าแต่ละองค์กรมีความต้องการที่แตกต่างกัน
การออกแบบเฉพาะตามประเภทการใช้งาน
- ห้องประชุมบอร์ด ต้องการความชัดเจนสูงสุด ใช้วัสดุดูดซับเสียงแบบ Selective Frequency
- ห้องสัมมนาใหญ่ ต้องการสมดุลระหว่างความชัดเจนและความอบอุ่นของเสียง
- พื้นที่ส่วนกลาง ใช้ Sound Masking System ควบคู่กับการดูดซับเสียง
เทคโนโลยีและวัสดุพิเศษ
- แผ่นอะคูสติกที่มีค่า NRC สูงกว่า 0.85
- ระบบ Variable Acoustic ที่ปรับได้ตามการใช้งาน
- การออกแบบ Non-Parallel Wall เพื่อป้องกัน Standing Wave
การลงทุนเหล่านี้จะคืนทุนผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดเวลาประชุม และเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
เลือก AVL ผู้เชี่ยวชาญด้านอะคูสติกส์มากว่า 30 ปี
เมื่อองค์กรต้องการแก้ไขปัญหาเสียงก้องอย่างครบถ้วนและได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยประวัติการทำงานมากว่า 30 ปีในการออกแบบห้องประชุมและออฟฟิศทั้งในและต่างประเทศ เราเข้าใจความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนขนาดใหญ่
บริการครบวงจร
- การสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาเสียงก้อง
- การออกแบบโซลูชันที่เหมาะกับงบประมาณและความต้องการ
- การติดตั้งและทดสอบระบบอะคูสติกส์
- การบำรุงรักษาและปรับปรุงต่อเนื่อง
สามารถดูผลงานและกรณีศึกษาได้ที่ Facebook AVL.design รวมถึงโครงการจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หากต้องการปรึกษาปัญหาเสียงก้องในองค์กรของคุณ สามารถติดต่อได้ที่ 083-988-2574
เสียงก้องสามารถแก้ไขปัญหาด้วยการปรับพื้นที่ภายในห้องทั้งเปลี่ยนวัสดุและสัดส่วนภายในห้องเพื่อให้ตอบสนองต่อค่าอะคูสติกส์มากขึ้น รวมถึงพัฒนาระบบโสตทัศนูปกรณ์และการออกแบบภายใน เพื่อทำให้ห้องประชุมเป็นห้องประชุมที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านสถาปัตยกรรมและศักยภาพในการดำเนินงาน
สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน การแก้ไขปัญหาเสียงก้องอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประชุม แต่ยังส่งผลดีต่อขวัญกำลังใจพนักงาน การสื่อสาร และภาพลักษณ์องค์กรโดยรวม การเริ่มต้นด้วยวิธีง่ายๆ ที่ทำเองได้อาจช่วยลดปัญหาในระดับหนึ่ง แต่สำหรับผลลัพธ์ที่ครบถ้วนและยั่งยืน การใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปีจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการลงทุน